กลยุทธ์และสิ่งที่เอสซีจีดำเนินการในช่วงที่ผ่านมา
เอสซีจีปรับตัวและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความเข้มแข็งในระยะยาว เห็นได้จากธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างยังคงเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่ดี เช่น ปูนซีเมนต์ที่มีกาไรสุทธิเติบโตร้อยละ 20 ต่อปี ในขณะที่ธุรกิจเคมิคอลส์ยังคงมีลักษณะเป็นวัฏจักร มีทั้งช่วงที่กำไรสูงและต่ำ
แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธ์โดยการลงทุนในโครงการปรับปรุงเพื่อ การใช้วัตถุดิบก๊าซอีเทนในการผลิตที่ LSP ประเทศเวียดนาม เพื่อลดผลกระทบจากช่วงที่ธุรกิจตกต่ำ ซึ่งใช้งบประมาณลงทุน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่สามารถลดต้นทุนได้ 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี มีระยะเวลาคืนทุนประมาณ 2 ปี และการผลักดันสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง (HVA) ที่ยังดำเนินการต่อไป
ในส่วนธุรกิจใหม่ ได้มีการลงทุนในธุรกิจพลังงานสะอาด (Cleanergy) ซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีการขยายธุรกิจ Medical Packaging ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 2,700 ล้านบาท และธุรกิจพอลิเมอร์ที่เติบโตต่อเนื่อง ส่วนการบริหารการเงิน บริษัทให้ความสำคัญกับการลดหนี้ควบคู่ไปกับการลงทุนในโครงการใหม่ๆ เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในระยะยาว
การดำเนินการดังกล่าว ช่วยเรื่องผลการดำเนินการของบริษัทอย่างไร
การแก้ไขปัญหาในระยะสั้น มุ่งเน้นการรักษากระแสเงินสดเพื่อให้เอสซีจีมีความแข็งแกร่ง เร่งเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุนพลังงาน ผลักดันสินค้า HVA หยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร มีวินัยทางการเงินโดยการทบทวนการลงทุน และเพิ่มประสิทธิภาพของเงินทุนหมุนเวียน
การแก้ไขปัญหาในระยะยาว โครงการ LSP อีเทน ที่จะต้องทำให้สำเร็จและเป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะรายงานให้ทราบเป็นระยะ รวมถึงการปรับโครงสร้างเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดประเทศอินโดนีเซียของ SCGP การใช้ AI สนับสนุนการดำเนินธุรกิจ การปรับองค์กรให้เหมาะสมกับคนรุ่นใหม่
นอกจากสินค้ามูลค่าเพิ่มสูง หรือ HVA เอสซีจีเน้นสินค้าในกลุ่มอื่นด้วยหรือไม่
เอสซีจีมีกลุ่มลูกค้าหลายประเภท โดยมีการออกสินค้าโดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ Good Better และ Best (High Value Added) ตามกำลังซื้อของลูกค้า ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง เช่น โซลาร์เซลล์ เป็นต้น
สถานการณ์เศรษฐกิจที่ประเทศอินโดนีเซียจะส่งผลจะกระทบกับบริษัทหรือไม่
เศรษฐกิจประเทศอินโดนีเซียมีความผันผวนในหลายด้าน เช่น การเมือง ภูมิรัฐศาสตร์ และด้านภาษี ทั้งนี้ เอสซีจีมีธุรกิจในประเทศอินโดนีเซียที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง เช่นธุรกิจแพคเกจจิ้ง รวมถึงธุรกิจซีเมนต์ที่ยังคงลงทุนต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม ยังคงมุ่งเน้นเรื่องปรับลดต้นทุน เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ปรับปรุงประสิทธิภาพที่เกี่ยวข้อง ซึ่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
บริษัทมีมีแนวทางอย่างไรกับการนำบริษัทย่อยในธุรกิจปิโตรเคมีไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (spinoff) อุตสาหกรรมปิโตรเคมี
เนื่องจากวัฏจักรของปิโตรเคมีอยู่ในช่วงระดับต่ำ (Low cycle) ดังนั้นการ spinoff ธุรกิจ เคมิคอลส์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบและหาโอกาสที่เหมาะสมต่อไป
บริษัทได้เตรียมใช้ก๊าซอีเทนสำหรับโรงงานปิโตรเคมีในประเทศเวียดนามไว้อย่างไร
บริษัทได้พิจารณาในหลายมิติ รวมถึงการเลือกใช้ก๊าซอีเทน ซึ่งในขณะที่เอสซีจีเริ่มก่อสร้างโรงงาน LSP นั้น ก๊าซอีเทนซึ่งเป็น shale gas อยู่ในช่วงเริ่มต้นการใช้งาน ยังไม่สามารถผลิตได้จำนวนมากและยังไม่แพร่หลาย ประกอบกับยังมีความไม่แน่นอนด้านจำนวนการผลิตและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เมื่อเวลาผ่านไป เทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าขึ้นประกอบกับนโยบายของสหรัฐอเมริกาที่สนับสนุนอีเทน ทำให้ผลิตอีเทนได้มากขึ้น ทั้งนี้ โรงงาน LSP ได้ออกแบบรองรับการใช้ก๊าซไว้ทำให้สามารถปรับใช้วัตถุดิบก๊าซอีเทนได้
สัดส่วนของก๊าซอีเทนที่สามารถนำไปเป็นวัตถุดิบที่โรงงาน LSP เวียดนามคิดเป็นเท่าใด
ก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP ที่ประเทศเวียดนาม สามารถใช้ได้ประมาณร้อยละ 70 เพราะมีการออกแบบให้มีความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบ (flexible cracker) ตั้งแต่แรก ดังนั้น หากมีการปรับปรุงระบบบางส่วนก็สามารถใช้ก๊าซอีเทนได้ สำหรับการจัดหาก๊าซโพรเพนนั้น ขึ้นอยู่กับราคาตลาด